วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2553
+++Download “ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร” 2 เล่ม
http://www.nayoktech.ac.th/~patima/
เป็นตำราภาษาไทยที่สอนเรื่อง “ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร” เล่ม 1 – 2 โดยอาจารย์ Patima Mehesaun วิทยาลัยเทคนิคนครนายกผมดูแล้วเป็นเนื้อหาง่าย ๆ สำหรับผู้ศึกษาระดับพื้นฐาน แถมยังมีรูปประกอบน่ารัก ๆ อ่านแล้วไม่น่าเบื่อ เมื่อศึกษาจบแล้ว ท่านจะสามารถทำได้เหมือนชื่อหนังสือ คือ สามารถพูดภาษาอังกฤษเพื่อสื่อสารได้อย่างที่ต้องการในสถานการณ์พื้นฐานต่าง ๆ ที่พบบ่อยถ้าท่านต้องการดาวน์หนังสือ “ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร” ทั้ง 2 เล่มเพื่อเอาไว้ศึกษาเรื่อย ๆ โดยไม่ต้องต่อเน็ต เชิญดาวน์โหลดได้ที่นี่ครับ
ดาวน์โหลด “ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร” เล่ม 1
ดาวน์โหลด “ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร” เล่ม 2
เล่ม 2 นี้มีแบบฝึกหัดให้ทำฝึกความชำนาญ และมีเฉลยให้ตรวจ ทำให้สุดความสามารถก่อนแล้วจึงค่อยไปดูเฉลยนะครับ ถ้าพลิกไปดูเฉลยก่อนจะไม่ได้รับประโยชน์ขอขอบคุณ อาจารย์ Patima Mehesaun เป็นอย่างสูงครับหมายเหตุ1. ดิก 3 เล่มที่คอลัมน์ซ้ายมือใน blog นี้ เชิญใช้ได้ตามสะดวกครับ2. ท่านสามารถ copy ประโยคในหนังสือไป paste ลงในช่อง "พิมพ์ประโยค - คลิก say it"
Credit: Pipat(English For Thais)
+++ฟุด ฟิด ฟอ ไฟ สไตล์อเมริกัน
http://www.thaitownusa.com/frontnews/frmNews_history.aspx?ColNo=257
[ อย่าลืมคลิกอ่าน Page [2] ที่ด้านล่างของหน้านะครับ]ซึ่งน่าสนใจทีเดียวครับ เพราะอธิบายการใช้ศัพท์สำนวนแบบอเมริกันได้น่าอ่านมากจึงขอชวนให้ท่านเข้าไปอ่านดูครับ
Credit: Pipat(English For Thais)
วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2553
+++Download mp3 อังกฤษ-ไทย'เริ่มต้นฝึกพูดอังกฤษ 365 วัน'
สวัสดีครับผมไปเจอ mp3 ชุด “เริ่มต้นฝึกพูดอังกฤษ 365 วัน” โดยบังเอิญ จึงนำมาฝากไฟล์ชุดนี้เป็น mp3 มีทั้งหมด 20 unit ๆ ละประมาณ 3 นาทีเป็นประโยคสนทนาภาษาอังกฤษ ซึ่งตามด้วยคำแปลภาษาไทย ใน 20 สถานการณ์ที่มีโอกาสพูดบ่อยผมพยายามอยู่นานเพื่อหาหนังสือ แต่ก็หาไม่พบ จึงมีแต่ไฟล์ mp3 อย่างเดียวให้ฟังเสียง ซึ่งการไม่มีหนังสือนี้มองในอีกแง่หนึ่งก็ดีอยู่เหมือนกัน คือท่านจะได้ใช้สมาธิทั้งหมดไปกับการฟังจนชินหู และฝึกพูดตามจนชินปาก ฟังและพูดตามซ้ำแล้วซ้ำอีกจนจำได้และชำนาญ เพราะอันที่จริงเวลาที่เราพูด เราก็ไม่มีโอกาสเปิดตำราอ่านประโยคอยู่ดี เพราะฉะนั้น วิธีที่ดีที่สุดก็คือ
-ฟังให้ชินหู
-แปลให้เข้าใจ
-พูดให้ได้เหมือนที่ฟัง
-และจำให้ได้
พูดง่าย ๆ ก็คือ ในการฝึกพูดตาม 20 สถานการณ์ใช้บ่อยข้างล่างนี้ ท่านไม่ต้องอาศัยตาและมือ แต่ให้ใช้หูและปากเท่านั้นในการฝึก โดยคลิก play – pause – repeat [คลิกปุ่ม play เพื่อฟัง – คลิกปุ่ม pause เพื่อหยุด – และ repeat คือพูดตาม]ตอนนี้พร้อมแล้วนะครับสำหรับท่านที่ต้องการดาวน์โหลดก่อนฟังคลิกที่ลิงค์ข้างล่างนี้
ลิงค์ที่ 1 หรือ
ลิงค์ที่ 2[ขนาดประมาณ 26 – 27 MB]
เพื่อดาวน์โหลดไฟล์ mp 3 ทั้ง 20 ตอนสำหรับท่านที่ต้องการฟัง onlineเมื่อคลิกเข้าไปที่แต่ละ Unit ข้างล่างนี้แล้วก็คลิกที่ปุ่ม Play (>) เหนือคำว่า ดาวน์โหลดเดี๋ยวนี้ [หรือ ถ้าต้องการดาวน์โหลดไฟล์ย่อยทีละไฟล์ก่อนฟัง ก็คลิก ดาวน์โหลดเดี๋ยวนี้ ]
Unit 1 –Greetings การทักทาย
Unit 2 - Introduction การแนะนำตัว
Unit 3 – Say Good-bye การกล่าวคำลา
Unit 4 - Describing People การบอกลักษณะของคน
Unit 5 – Describing Things การบอกลักษณะของสิ่งของ
Unit 6 – Describing Houses การบอกลักษณะของบ้าน
Unit 7 – Describing Abilities การบอกถึงความสามารถ
Unit 8 – Job Interview การสัมภาษณ์งาน
Unit 9 – Inviting Accepting Refusing การเชิญ การรับคำเชิญ และการปฏิเสธ
Unit 10 – Shopping การซื้อของ
Unit 11 - Apologizing การขอโทษ
Unit 12 – Comparing การเปรียบเทียบ
Unit 13 – Asking for Directions การถามทาง
Unit 14 – Asking for and Giving Information การถามและการให้ข้อมูล
Unit 15 – Making Plans การวางแผน
Unit 16 – Requesting Granting Declining การขอร้อง การอนุญาต และการปฏิเสธ
Unit 17 –Giving and Receiving Thanks การกล่าวและการรับคำขอบคุณ
Unit 18 – Giving Advice and Suggestions การแสดงความคิดเห็นและข้อเสนแนะ
Unit 19 – Giving and Receiving Compliments การกล่าวและการรับคำชมเชย
Unit 20 – Talking about Time การคุยเกี่ยวกับเวลา
Credit: Pipat(English For Thais)
+++Download mp3 “เรียนพูดอังกฤษ 79 ชั่วโมงด้วยตนเอง”
วันนี้บังเอิญมาก ผมเจอ mp3 ของเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ในเน็ต เมื่อคลิกฟังอยู่พักใหญ่ ความรู้สึกต่อหนังสือเล่มนี้ก็เปลี่ยนไป ซึ่งน่าจะเป็นเพราะว่า แต่เดิมผมพลิกอ่าน แต่ตอนนี้ผมคลิกฟัง และผมก็ชอบใจสำเนียงฝรั่งของทั้งหญิงและชายซึ่งชัดเจนมาก มีความเร็วตามธรรมชาติแต่ไม่เร็วเกินไป และแม้เนื้อหาบางประโยคจะสะท้อนถึงโลกยุคก่อนมีอินเทอร์เน็ต แต่ก็ถือว่าสามารถเป็นประโยคสนทนาที่สามารถจดจำและฝึกฝนเอาไปพูดได้ ไม่ว่าท่านจะเป็นนักเรียน นักศึกษา ข้าราชการ พนักงานสำนักงาน หรือคนไปทำงานเมืองนอกถ้าจะให้วิจารณ์ใหม่ ผมคงต้องขอยืมคำพูดของลุงมาพูด คือ mp3 ของเนื้อหาในหนังสือ “เรียนพูดอังกฤษ 79 ชั่วโมงด้วยตนเอง” เล่มนี้ ใช้ได้และถ้าท่านถามต่อว่า ใช้ได้มากน้อยแค่ไหน ผมก็ต้องขอยืมคำพูดของพี่สาวคนที่ผมเจอในรถเมล์มาดัดแปลงตอบท่านผู้อ่าน คือ ก็ไม่ต้องไปใช้มันหมดทุกประโยค ประโยคไหนมีโอกาสใช้ก็จำไปใช้ ประโยคไหนไม่ได้ใช้ก็ไม่ต้องใช้ข้างล่างนี้เป็นลิงค์ mp3 ชั่วโมงที่ 7 – 79 ให้ท่านดาวน์โหลด (ชั่วโมงที่ 1- 6 ไม่มี mp3 ซึ่งเป็นการออกเสียงพยัญชนะ สระ วิธีการอ่านตัวสะกด และสรรพนาม ) ผมขอชวนให้ท่านลองดาวน์โหลดไปใช้ประโยชน์ โดยฝึก ฟัง พูดตาม (คลิก play, pause, ดึง slide bar ย้อนหลัง เดินหน้า ตามใจชอบ)ลองดูนะครับ mp3 เล่มนี้อาจจะเป็นประโยชน์ต่อท่านมาก ๆ ก็ได้ลิงค์ชุดที่ 1พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 07-13
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 14-18
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 19-25
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 26-32
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 33-37
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 38-41
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 42-48
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 49-53
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 54-77
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 78-79
ลิงค์ชุดที่ 2
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 07-13
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 14-18
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 19-25
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 26-32
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 33-37
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 38-41
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 42-48
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 49-53
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 54-77
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 78-79
ลิงค์ชุดที่ 3ถ้าท่านใดเน็ตแรง จะดาวน์โหลดลิงค์ใหญ่ข้างล่างนี้ก็ได้ครับ
ชั่วโมงที่7-25
ชั่วโมงที่ 26 – 41
ชั่วโมงที่ 42 – 79
Credit: Pipat(English For Thais)
+++“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฉันจะใช้แต่ดิกอังกฤษ-อังกฤษ”
Longman doubt- suspect
Merriam-Webster doubt - suspect
COBUILD doubt- suspect
เมื่อค่อย ๆ อ่านดูท่านก็จะเห็นชัดว่า ดิกอังกฤษ-อังกฤษ ฉบับมาตรฐานเหล่านี้ให้ความหมายที่ถูกต้องครบถ้วนตรงกัน แต่ถ้าเราใช้ดิกอังกฤษ-ไทย เราก็ต้องยอมรับสภาพว่า ความหมายที่มีให้ บางคำ อาจจะตก ๆ หล่น ๆ บ้างแต่ดิกอังกฤษ-อังกฤษ มีประโยชน์มากกว่าดิกอังกฤษ-ไทย เพียงเท่านี้หรือ? มิได้ครับ ยังมีอีกเยอะ ผมขอยกตัวอย่างที่นึกออกขณะนี้1.ดิกอังกฤษ-อังกฤษแสดงประโยคตัวอย่างของแต่ละความหมายของคำศัพท์ เพราฉะนั้นดิกพวกนี้จึงมีคำศัพท์เรียกเฉพาะว่า learner’s dictionary ตัวอย่างเหล่านี้นอกจากประกอบคำนิยามศัพท์แล้ว ยังทำให้ผู้ใช้ดิกได้เห็นตัวอย่างการผูกประโยคโดยใช้คำศัพท์นี้ เช่น ลักษณะประโยค, preposition ที่ใช้ร่วมกัน, คำอื่น ๆ ที่มักจะอยู่ด้วยกันกับศัพท์คำนี้ (เรียกว่า collocation), ประธานหรือกรรมส่วนใหญ่ที่ศัพท์คำนี้มักเข้าไปประกอบอยู่ด้วย ฯลฯ ตัวอย่างเหล่านี้จะช่วยให้เรา “ใช้เป็น” เมื่อเราต้องเอาศัพท์ไปพูดหรือเขียน2.ทุกวันนี้โลกหมุนเร็วมาก และศัพท์ใหม่หรือความหมายใหม่ ๆ ของศัพท์เก่าก็เกิดขึ้นเร็วมากเช่นกันตามการหมุนของโลก ดิกชันนารีอังกฤษ-อังกฤษเหล่านี้สามารถ update หรือ revise ตัวเองได้เร็วมาก ซึ่งแปลว่า เมื่อชาวบ้านชาวเมืองเขาใช้ศัพท์ใหม่หรือความหมายใหม่ ดิกพวกนี้ก็เอามาไว้ในเล่มดิกหรือเว็บดิกชองตน แต่ดิกอังกฤษ-ไทยทำอย่างนี้ได้ไม่ทัน เพราะกว่าจะแปล-ตรวจ-พิมพ์ ศัพท์ใหม่ที่ใส่เข้าไปก็กลายเป็นศัพท์เก่าซะแล้ว ในแง่นี้เราจึงจำเป็นต้องใช้ดิกอังกฤษ-อังกฤษ เพราะดิกอังกฤษ-ไทย ไม่มีศัพท์เพียงพอให้เราใช้ ไม่เพียงพอจริง ๆ ครับ3.การฝึกใช้ดิกอังกฤษ-อังกฤษ เป็นวิธีง่าย ๆ และได้ผลในการฝึกคิดเป็นภาษาอังกฤษ เพราะทั้งคำอธิบายความหมาย ประโยคตัวอย่าง ไม่เปิดโอกาสให้เราต้องสะดุดเปลี่ยน mode มาคิดเป็นภาษาไทย และถ้าได้ฝึกอ่านออกเสียงตามไปด้วย หรือลอกบางประโยคใส่ลงสมุดจดศัพท์ ก็จะได้ฝึกหลาย ๆ ทักษะพร้อมๆกันไป คลื่นความคิดก็จะมีแต่คลื่นภาษาอังกฤษ และการคิดเป็นภาษาอังกฤษนี่แหละครับ คือการก้าวขึ้นสูงสู่อีกระดับหนึ่ง แม้ในระยะแรก ๆ อาจจะเป็นก้าวเล็ก ๆ ก็ตามพออ่านมาถึงบรรทัดนี้ ท่านอาจจะถามว่า แล้วจะทำยังไงให้สามารถใช้ดิกอังกฤษ-อังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วโดยไม่ต้องพึ่งดิกอังกฤษ-ไทยเลย หรือพึ่งให้น้อยที่สุด ผมมีข้อแนะนำอย่างนี้ครับ ท่านจะทำข้อไหนก่อนก็ได้ ไม่ต้องทำไปตามลำดับ1.ศึกษาศัพท์จาก wordlistที่เว็บ dictionary ของ Longman, Merriam-Webster, Oxford และ เว็บ VOA Special English เขาได้จัดทำ Wordlist หรือบัญชีคำศัพท์ที่ใช้บ่อย ไม่เกิน 3000 คำ ซึ่งหมายความว่า ถ้าเข้าใจความหมายของทุกคำใน list เหล่านี้ก็จะสามารถอ่านดิกของเขาได้ทั้งเล่ม หรืออ่านเว็บได้ทั้งเว็บ ศัพท์ใน list เหล่านี้แม้จะต่างคนต่างทำ แต่ก็มักจะซ้ำกันเป็นส่วนใหญ่ และถ้าสามารถจดจำได้มากเท่าใดก็จะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาภาษาอังกฤษเท่านั้น เพราะมันเป็นศัพท์พื้นฐานที่ควรเข้าใจและใช้เป็นผมได้รวมรวบไว้ที่ลิงค์ข้างล่างนี้ เมื่อเข้าไปแล้ว ดับเบิ้ลคลิกที่คำใดก็จะมีคำแปลไทยปรากฏ อันดับแรกผมขอให้ท่านมองข้ามคำแปลไทยนี้ลงไปข้างล่างจนพบคำว่า Show more Web definitions » เมื่อคลิกแล้วจะมีความหมายจากดิกอังกฤษ-อังกฤษ ขอให้ศึกษาศัพท์พื้นฐานจาก wordlist พวกนี้แหละครับ2,000 คำ: Longman Defining Vocabulary คลิก
3,000 คำ: Merriam-Webster's Learner's Dictionary คลิก
3,000 คำ: Oxford 3000 wordlist คลิก
1,500 คำ: VOA Special English คลิก 1 หรือ คลิก 2
2.ฝึกกับดิก Cambridge, Oxford, Longmanดิกทั้ง 3 เว็บนี้ เมื่อท่านอ่านคำอธิบายและไม่รู้ความหมายของศัพท์คำใด ท่านสามารถคลิกเพื่อให้เว็บโชว์ความหมายของศัทพ์คำนั้นไปได้เรื่อย ๆคลิกดูดิกทั้ง 3 เว็บที่ลิงค์นี้ครับ http://dictionarysearchbox.blogspot.com/สำหรับ Cambridge และ Oxford สามารถคลิกฟังการออกเสียงคำศัพท์ (และฝึกออกเสียงตาม) มีทั้งสำเนียงอังกฤษและอเมริกัน ส่วน Longman เฉพาะคำที่ขึ้นต้นด้วย d และ s สามารถคลิกฟังประโยคตัวอย่างได้ทั้งประโยค แต่บางที browser IE อาจจะใช้ไม่ได้ ต้องเปิดด้วย browser Google Chrome 3.ศึกษาเว็บที่มี pop-up dictionaryเว็บศึกษาภาษาอังกฤษต่อไปนี้ ท่านสามารถใช้ Search หาอะไรก็ได้ที่ท่านต้องการอ่าน เมื่อดับเบิ้ลคลิกที่คำศัพท์ของบทความ จะมีความหมายเป็นภาษาอังกฤษโชว์ทันที ขอแนะนำให้ท่าน Search หาเรื่องที่ท่านรักที่จะอ่าน เมื่อส่งสัยศัพท์ก็คลิกดูความหมายอย่างที่ว่านี้แหละครับVOA Special English (Merriam-Webster Learner’s Dictionary)http://www.voanews.com/learningenglish/home/Answers.comhttp://www.answers.com/http://www.englishforum.com/00/ถ้าเป็นลิงค์ภายในของเว็บนี้ (ขึ้นต้นด้วย URL ของเว็บ ) สามารถดับเบิ้ลคลิกคำศัพท์ทุกคำให้โชว์คำแปลจาก Cambridge Dictionary)
4.ใช้บริการจากเว็บแปลศัพท์ อังกฤษ-อังกฤษเท่าที่ผมเคยพบขณะนี้มีอยู่ 3 เว็บคุณภาพดีที่เมื่อเราพิมพ์ข้อความ หรือ copy+paste URL ของเว็บใส่ลงไป เมื่อคลิกหรือดับเบิ้ลคลิกที่คำศัพท์ก็จะโชว์คำแปลเป็นภาษาอังกฤษ เพราะฉะนั้น เราต้องการอ่านข้อความใด หรือหน้าเว็บใด ก็สามารถอ่านได้โดยสะดวกเหมือนมีฝรั่งมายืนอยู่ใกล้ ๆ คอยบอกศัพท์ให้ทุกคำในทันทีที่ถาม4.1 -พิมพ์ URL ลงไปที่เว็บนี้: http://www.lingro.com/(ถ้าต้องการเปิดลิงค์, ให้คลิกขวาที่ลิงค์, และคลิก open in new tab หรือ open in new window)4.2 -พิมพ์ข้อความภาษาอังกฤษลงไปที่เว็บนี้: http://www.voycabulary.com/4.3 -ใช้บริการแปลของเว็บ esldesk.com http://www.esldesk.com/reading/esl-reader*** วิธีใช้งาน esldesk.com ***1.copy และ paste ข้อความภาษาอังกฤษใส่ลงไป, คลิก Click here,2.ตรง Definitions ให้เลือกดิกที่ต้องการ ซึ่งผมขอแนะนำให้ใช้Cambridge3.คลิกคำที่ต้องการแต่ถ้าต้องการตัวช่วยเป็นดิก อังกฤษ – ไทย, ตรงช่อง Translations ให้เลือก Thai,ท่านผู้อ่านครับ ในส่วนที่เกี่ยวกับวิธีฝึกผมคงมีเรื่องที่จะพูดแค่นี้ ต่อจากนี้ก็อยู่ที่แต่ละท่านจะไปฝึกกันเอาเอง แต่ก่อนจากผมขอพูดอะไรแถมท้ายสักนิดนะครับ
คนรุ่นผมนี่นะครับ สำหรับคนที่เป็นพนักงานบริษัทหรือรับราชการ ถ้ายืนกรานที่จะไม่ฝึกภาษาอังกฤษ ก็อาจจะไม่มีใครเขี่ยวเข็ญมากนัก เพราะทำงานมาเกือบ 30 ปีแล้ว ทักษะที่จำเป็นต้องใช้ในงานก็เริ่มอยู่ตัวแล้ว ตอนนี้มีความชำนาญด้านใดก็ใช้อันนั้นแหละทำงานไปจนเกษียณอายุซึ่งก็คงเหลืออยู่อีกไม่กี่ปี ถ้าอ่อนแอด้านภาษาอังกฤษหัวหน้าเขาก็อาจจะขี้เกียจตอแย หรือสำหรับท่านที่มีธุรกิจของตัวเองถ้าไม่สามารถทำให้ภาษาอังกฤษของตัวเองใช้งานได้ ก็ต้องหาคนเก่งมาใช้ สรุปก็คือผมไม่ค่อยห่วงคนรุ่นผมแต่ผมห่วงคนรุ่นใหม่....ไม่ว่าน้อง ๆ กำลังจะหางาน, กำลังจะได้งาน, หรือเพิ่งจะทำงานไม่นานนัก หรือแม้แต่น้อง ๆ ที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง กำลังก่อร่างสร้างตัว ถ้าน้องต้องการได้รับความสำเร็จ ความก้าวหน้า ความคล่องตัว ชีวิตการทำงานของน้องในอนาคตต้องมีภาษาอังกฤษเป็นทักษะหลักอยู่ด้วย คนรุ่นก่อนอาจจะแก้ปัญหานี้โดยการเลือกเรียนวิชาหรือทำอาชีพที่ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับภาษาอังกฤษ แต่คนรุ่นใหม่ไม่โชคดีมีทางเลือกอย่างนั้นหรอกครับเท่าที่ผมรู้สึกอยู่ก็คือ ทักษะภาษาอังกฤษของคนไทยแม้แต่ของคนรุ่นใหม่อ่อนเกินไป นี่เรากำลังพูดถึงคนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่ใช่คนไม่กี่คนที่มีโอกาสออกทีวีและโชว์ความสามารถด้านภาษาอังกฤษ เราจะเอาคนจำนวนน้อยนิดเหล่านั้นมาเป็นตัวแทนของคนส่วนใหญ่ไม่ได้แต่ถ้ามองว่าเราควรจะฝึกภาษาอังกฤษอย่างไรเพื่อให้อนาคตของตัวเอง และอนาคตของเมืองไทยดีขึ้น ก่อนที่จะทำอะไร เรามาดูว่าเราคิดอย่างไรก่อนดีกว่า เพราะจากประสบการณ์ที่ทำบล็อกนี้มา 4 ปีทำให้ผมรู้สึกว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยอ่อนแอ ไม่สามารถพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษให้ดีขึ้นเท่าที่ควร เพราะเรามีทัศนคติอย่างคนที่ยอมแพ้และชอบแก้ตัว-เราโทษครู โทษโรงเรียน โทษระบบการศึกษา โทษสิ่งแวดล้อมในสังคมว่าทำให้เราแย่ในเรื่องภาษาอังกฤษ พอโทษแล้วก็ไม่คิดทำอะไรให้มากเท่าที่ควร เพราะโยนความผิดไปให้เขาแล้ว เพราะฉะนั้นการที่เราแย่เรื่องภาษาอังกฤษนี้จึงไม่ใช่ความผิดของเรา ที่ผมพูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าสิ่งเหล่านั้นดีเลิศประเสริฐศรี มิได้ครับ! แต่ผมกำลังบอกว่า การตำหนิสิ่งอื่นเพื่อแก้ให้ตัวเองพ้นผิด ไม่มีประโยชน์อะไรเลย-เรื่องทักษะภาษาอังกฤษที่อ่อนแอนี้ บางท่านยอมรับและยอมแพ้ แต่ผมอยากให้ท่านยอมรับแต่ไม่ยอมแพ้ มีความหวังอยู่เสมอ และพยายามที่จะทำให้ความหวังเป็นความจริง-สำหรับท่านที่มีลูกมีหลาน ผมเห็นว่าสิ่งที่จะช่วยอย่างมากให้เด็กเห็นความสำคัญของภาษาอังกฤษก็คือเราเองต้องเป็นตัวอย่าง เราจะพูดว่า ตัวเราซึ่งเป็น “พ่อแม่มารู้ตัวว่าภาษาอังกฤษสำคัญก็เมื่อสายไปซะแล้ว จึงอยากให้ลูกสนใจภาษาอังกฤษไปตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะมันจะเป็นประโยชน์ต่อลูกมากในอนาคต” พูดแค่นี้ไม่พอหรอกครับ มันลอยตัวเกินไป เราต้องทำอะไรให้ลูกเห็นว่าเราเองก็ฝึกภาษาอังกฤษเพราะภาษาอังกฤษมีประโยชน์ การที่เราฝึกได้ผลน้อยแต่พยายามมาก กลับจะเป็นตัวอย่างที่ดีซะอีก เพราะเด็กจะได้เห็นว่า ถ้าไม่อยากยักแย่ยักยันเรียนภาษาอังกฤษอย่างคนแก่ ก็ต้องเรียนให้ได้ผลดีตั้งแต่อายุน้อย
ทักษะที่สะสมไว้ทุกวันจะเป็นเหมือนกะตังค์ที่หยอดลงกระปุก ถ้าหยอดทุกวันก็ต้องมีวันที่ตังค์เต็มกระปุก ถ้าเรียนทุกวันก็ต้องมีวันที่ทักษะจะงอกงามจนใช้งานได้ แม้อาจจะไม่หรูหราสง่างามนัก แต่ก็ใช้งานได้ นี่ก็ดีถมไปแล้วท่านผู้อ่านครับ บนเส้นทางการฝึกทักษะภาษาอังกฤษนี้ ถ้าคิดว่าเป็นเรื่องของการลงทุน ผมก็ขอยืนยันว่า การพยายามฝึกจนสามารถใช้ดิกชันนารีอังกฤษ-อังกฤษ เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้นเพื่อให้การลงทุนเช่นนี้ได้กำไรอย่างที่ตั้งใจไว้ เราควรจะบอกตัวเองว่า“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะใช้แต่ดิก อังกฤษ-อังกฤษ”
Credit: K.pipat(English for Thais)
+++วิธีฝึกพูดภาษาอังกฤษ (...อย่าคิดว่ายาก...)
++++วิธีฝึกพูดภาษาอังกฤษโดยไม่มีครูสอน
ฝึกฟังและอ่าน++++ ด/ล 'audio & picture book' หลายร้อยเล่ม [ชุดที่ 1]
++++ด/ล 'audio book' หลายร้อยเล่ม [ชุดที่ 2]
++++ ด/ล 'audio book' หลายร้อยเล่ม [ชุดที่ 3]
++++ด/ล 'audio book' หลายร้อยเล่ม [ชุดที่ 4]
++++รวมเรื่อง 'สนุกและง่าย'ที่แนะนำไว้ในบล็อกนี้
++++ เว็บ ‘อ่านข่าว-ฟังข่าว’ ง่าย ๆ
++++ เว็บเรียนภาษาอังกฤษง่าย ๆ มีบ้างไหม?
ฝึกเขียน++++ ท่านสามารถฝึก writing skill ได้ทุกวัน
Credit: K.Pipat(Eng for Thais)
---ฝึกสิ่งที่ต้อง“เข้าใจ–จำได้–ใช้เป็น” ก่อน
Credit: K.Pipat(Eng for Thais)
---เรียนอังกฤษกับครูต๋อม
Credit: K.Pipat(Eng for Thais)